Lovely Tuscany
Bangkok , Thailand
บรรยากาศของบ้านที่อบอุ่นและนุ่มนวล มีส่วนสำคัญที่จะช่วยสร้างครอบครัวที่เปี่ยมไปด้วยความสุข โดยเฉพาะงานสไตล์ Country ที่เต็มไปด้วยความรัก ความอบอุ่น โดยที่ผ่านมา เวลาที่เราพูดถึงงานสไตล์ Country เรามักจะนึกถึง English Country หรือ Country Contemporary เป็นส่วนใหญ่
แต่ในวันนี้ เราจะพาไปพบกับงานสไตล์ Country ที่พบมากในชนบทของอิตาลี หรือที่เรียกว่า Tuscany Country
Tuscany เป็นแถบชนบทในภาคกลางของประเทศอิตาลี ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องของไวน์ Chianti ชั้นดี, ทิวทัศน์ที่งดงาม แสงแดดสีสวย เงาทอดยาวที่อบอุ่น และงานสถาปัตยกรรมแบบ Italian Renaissance รวมไปถึงบ้านที่ดูแข็งแรง บึกบึน แต่อบอุ่น
คฤหาสน์หลังงามนี้ ได้รับการออกแบบตกแต่งภายในอย่างพิถีพิถัน โดยเน้นในรายละเอียดของงานให้สอดคล้องกับสไตล์ Tuscany แท้ ทำให้บ้านดูราวกับตั้งอยู่ในอิตาลีจริงๆ เริ่มตั้งแต่ Foyer ที่ออกแบบเป็นซุ้มโค้งขนาดใหญ่ กรุด้วยไม้โอ๊คย้อมสีเข้ม รับกับประตูทางเข้าบานเปิดคู่ ที่มีช่องแสงและ Wrought Iron หรือเหล็กหล่อ ภายใต้เพดานโค้งและไฟ Chandelier แบบโบราณกับพื้นหินตัดลายอย่างลงตัว
เมื่อเข้ามาถึงส่วนรับแขก จะพบกับซุ้มประตูโค้ง ที่มีเสาคู่แบบ Doric ก่อนพบกับ Space ที่จัดวางชุดรับแขกแบบ Formal โดยจัดวาง Armchair ท้าวแขนไม้ตัวใหญ่ จับคู่กับ Sofa แบบ Country Classic สีขาว ภายใต้ฝ้าเพดานที่ตกแต่งด้วยคานไม้จริง ซึ่งจะมีช่องประตูบานใหญ่ที่มองทะลุไปยังสระว่ายน้ำภายนอกบ้านได้
เมื่อเข้ามาถึงส่วนรับแขก จะพบกับซุ้มประตูโค้ง ที่มีเสาคู่แบบ Doric ก่อนพบกับ Space ที่จัดวางชุดรับแขกแบบ Formal โดยจัดวาง Armchair ท้าวแขนไม้ตัวใหญ่ จับคู่กับ Sofa แบบ Country Classic สีขาว ภายใต้ฝ้าเพดานที่ตกแต่งด้วยคานไม้จริง ซึ่งจะมีช่องประตูบานใหญ่ที่มองทะลุไปยังสระว่ายน้ำภายนอกบ้านได้
ตามมาที่ส่วนทานอาหาร ในครั้งนี้ Interior Designer ได้สรุปกับเจ้าของบ้านที่จะเลือกใช้ชุดโต๊ะทานอาหารกลม กับเก้าอี้แบบ Windsor Chair จำนวน 8 ที่นั่งเพิ่มความเป็นคันทรีมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ในส่วนทานอาหาร ก็ได้มี Pantry ไม้โอ๊คแบบคลาสสิคพร้อม Island สำหรับนั่งทานอาหารแบบง่ายๆ ยามเช้าได้สบายๆ
ภายในบ้านหลังใหญ่นี้ ได้มี Function พิเศษสำหรับสมาชิกในครอบครัว นั่นคือ Home Theatre ฉบับจัดเต็ม ซึ่งเนื่องจากห้องนี้เป็นห้องแยกเป็นพิเศษ ดังนั้น Designer จึงได้นำเอาบรรยากาศแบบโรงภาพยนต์ยุคคลาสสิคในยุโรป มาใช้ในห้องนี้ ตั้งแต่แผงทีวีด้านหน้า ที่มีกรอบไม้หนาเช่นเดียวกับเวทีของโรงภาพยนต์สมัยก่อน แต่เปลี่ยนสีพ่นเป็นแบบเมทัลลิค เพื่อเพิ่มความเป็นประกายให้กับห้อง
และในส่วนของผนังตกแต่งด้านข้าง ก็จะกรุเป็นผนังไม้ตกแต่งเดินคิ้ว พร้อม Screen ตราสัญญลักษณ์ของบ้าน ด้วยสีพ่นทอง ตัดกับผ้าม่านหนาหนักสีแดง ซึ่งนอกจากจะช่วยให้เรื่องของความสวยงามแล้ว ผ้าม่านที่หนาเช่นนี้ บวกกับพรมทอลายเต็มพื้นที่ จะช่วยในเรื่องของการดูดซับเสียงอีกด้วย
อีกจุดหนึ่งที่ Designer ได้บรรจงเพิ่มเข้าไปในงาน คือเพดานพ่นสีดำ และติดตั้งไฟ LED แทนจุดดาวบนท้องฟ้า และแสงจากไฟ LED เส้น (LED Strip Light) สีฟ้า เพื่อสร้างบรรยากาศท้องฟ้ายามค่ำได้อย่างวิเศษ
สำหรับพื้นที่ชั้นล่างนี้ ยังมีห้องนอนแขกที่เจ้าของได้เตรียมไว้ เผื่อมีแขกมาพำนัก โดยจัดเป็นห้องนอนในสไตล์คลาสสิคแบบง่ายๆ แต่เด่นด้วยผนังสีเหลือง ที่เป็นสีตัวแทนของดินแดนทัสคานี ตัดกับผนังตกแต่งลูกฟัก พ่นสีขาวครีมโดยรอบ และจัดเฟอร์นิเจอร์เป็นแบบลอยตัวทั้งหมดตามแบบฉบับของการตกแต่งบ้านในโซนยุโรป
โถงบันไดทางขึ้นชั้นบนของบ้าน ก็ตกแต่งให้ดูอลังการ ด้วยบันไดโค้ง พร้อมราวบันไดเหล็กหล่อลื่นไหลไปตลอดแนว โดยใต้บันได จะจัดวางด้วย Grand Piano สีดำ ที่อยู่ข้างใต้ Chandelier แบบคริสตัลขนาดใหญ่ เพื่อช่วยเพิ่มความระยิบระยับในยามค่ำคืน
เมื่อขึ้นบันไดมาถึงชั้นบนแล้ว ก็จะพบกับทางเดินยาว ซึ่งได้รับการตกแต่งด้วยกระจกเงา Euro Bronze สลับสี ที่ช่วยส่งเสริมให้ตู้โชว์ฝั่งตรงข้าม ที่จัดเลียนแบบ Window Display ของร้าน Brandname หรูในมิลานทีเดียว
Master Bedroom ของเจ้าของบ้าน ที่ตั้งอยู่บนชั้น 2 ได้ปรับแต่งสไตล์ให้ดูทันสมัยขึ้นตามความชอบของเจ้าของ ที่ต้องการห้องนอนที่มีความรู้สึกของผู้ชายที่เติบใหญ่อย่างสมบูรณ์ ด้วยการเลือกคู่สีอย่างสีดำ และสีทอง เสริมด้วยสี Dark Brown เกิดเป็นห้องนอนที่ดูมั่นคงและมั่งคั่ง
Element ที่เลือกใช้ในงานออกแบบตกแต่งภายในห้องนอนห้องนี้ ยังมีรายละเอียดทั้งในแง่ของวัสดุ เช่น หัวเตียงที่บุด้วยหนังแท้ย้อมด้วยสีทองที่นำเข้าจากยุโรป กับผนังหัวเตียงสีเข้มและโซฟาปลายเตียงบุหนังแท้สีดำ ทำให้ดูหรูหราและสง่างาม
ในส่วนของห้องแต่งตัว หรือ Walk-in Closet ขนาดใหญ่ จะออกแบบเป็นห้องแต่งตัวในสไตล์ยุโรปแบบดั้งเดิม ด้วยการจัดเคาน์เตอร์หินอ่อนคู่กับกระจกเงาบานใหญ่ สำหรับแต่งตัวและแต่งหน้าสำหรับเจ้าของบ้านชาย และเจ้าของบ้านหญิง และมีตู้เสื้อผ้าแบบเปิดที่ผนังทั้งสองด้าน พร้อมด้วย Island ตรงกลาง เพื่อจัดวางเครื่องประดับ พร้อมไฟ LED ขนาดเล็ก เช่นเดียวกับตู้โชว์ Jewelry และมีลิ้นชักด้านใต้ตู้โชว์สำหรับเก็บของใช้ส่วนตัวของเจ้าของบ้าน
ห้องนอน-2 เป็นห้องนอนที่จัดเตรียมไว้เผื่ออนาคต โดยเจ้าของบ้านต้องการให้ห้องนอนนี้ มีบรรยากาศค่อนข้างเบาสบาย แต่ยังคงความเป็นยุโรปอยู่ ดังนั้น Designer จึงได้ออกแบบห้องนอนนี้ โดยใช้คู่สีเหลือง–เขียวแบบ Pastel บน Base สีขาว ทำให้ห้องดูผ่อนคลาย แต่ยังความหรูหรา
ห้องนอน-3 เป็นห้องนอนจะถูกตกแต่งอย่างโดดเด่นด้วยโซฟาปลายเตียงสีส้ม ตัดกับโทนสีขาวดำของห้อง และใช้ Rhythm เป็นเทคนิคเด่น ทำให้เกิดเป็นจังหวะทั้งการตกแต่งผนังใต้บัวฝ้าเพดาน ผ้าม่านลายทาง หรือพรม ล้วนแต่อยู่ภายใต้ Concept ทำให้ห้องนอนห้องนี้ดูแปลกตากว่าห้องอื่นๆ
ในชั้น 2 นี้ ยังมีส่วน Library ที่เป็นห้องสำหรับใช้นั่งพักผ่อนและทำงาน ดังนั้น ผนังส่วนใหญ่จึงติดตั้งตู้หนังสือเต็มผนัง และมีมุมเล็กๆ สำหรับติดตั้ง Bay Window Seat ริมหน้าต่าง ในขณะที่ตรงกลางห้องจะจัดวางโต๊ะสี่เหลี่ยมสำหรับสี่ที่นั่ง พร้อมเก้าอี้ไม้โอ๊คหนาสีเข้ม ตัดกับผนังและตู้ทั้งหมดที่พ่นด้วยสี Pistachio Green ใต้คานไม้โอ๊ค ที่สร้างขึ้นเลียนแบบห้องใต้หลังคาของบ้าน
นอกจาก Library แล้ว ยังมี Study Room ที่จัดเป็นห้องทำงาน ตกแต่งด้วยงานไม้ย้อมสี Mahogany และจัดโต๊ะทำงานที่ออกแบบเป็นโต๊ะทำงานขาโปร่ง กับชุด Armchair จำนวน 4 ตัว เรียงแนวทะแยง กับโต๊ะกลม เพื่อสร้างบรรยากาศคล้ายกับห้องทำงานบนเกาะ Sicily ในเรื่อง The Godfather
ผลงานชิ้นนี้ เป็นอีกหนึ่งผลงานที่ทีมออกแบบตกแต่งภายในของบาริโอ ภาคภูมิใจ แม้ว่าจะผ่านกาลเวลามานานนับสิบปี แต่ความคลาสสิค ก็ยังคงเปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์ของความอบอุ่น อย่างไม่เสื่อมคลาย
หากท่านต้องการผลงานออกแบบตกแต่งภายในที่ให้ความสวยและอบอุ่นไปตลอดกาล เช่นเดียวกับผลงานชุดนี้ สามารถเลือกใช้บริการออกแบบตกแต่งภายในครบวงจรแบบ Quintessentially Design Service หรือ QDS ของเราได้ในราคาพิเศษ เพียงเริ่มติดต่อขอนัดหมายเพื่อรับคำปรึกษากับทีมออกแบบของเราได้ ฟรี!
รับชมผลงานออกแบบตกแต่งภายในของ BAREO ได้ที่ Portfolio หรือ Design By Bareo สนใจบริการออกแบบตกแต่งภายสามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติม โทร 02 408-1341 – 44 และ 083-899-9989 line ID : @bareo ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 9.00 – 18.00 น.
Walk-in Closet ของห้องนี้ ยังคงใช้คู่สี Latte และ Umber แต่สลับหน้าที่กัน โดยตู้ทั้งหมดจะเป็นไม้เมเปิลย้อมสี Umber Brown และภายในตู้จะเป็นสี Latte แทน เมื่อตัดกับพื้นไม้สีอ่อน ทำให้ห้องนี้ ดูสวยหรูขึ้นมามากทีเดียว