BAREO DESIGN STUDIO
The Award Winner

-Design By Bareo-

Bangkok, Thailand

“เพราะการทำงานไม่จำเป็นต้องนั่งติดกับโต๊ะทำงานเพียงอย่างเดียว” จึงเป็นที่มาของงานออกแบบสำนักงานใหม่ของบาริโอ ที่เน้นการจัดสรรพื้นที่ส่วน Public ให้สำคัญเท่ากับ Working Space ทำให้พนักงานแต่ละคนสามารถเลือกลักษณะการทำงานที่เหมาะสมกับตนเองได้

งานออกแบบ Interior Design ที่เรียบง่าย สวยงามด้วยเส้นสาย และเน้นในรายละเอียดที่งดงามแบบ High Style เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เข้ามาใช้บริการได้ชื่นชมกับความงามของ Space ได้อย่างเต็มที่ ภายใต้พื้นที่กว่า 1,700 ตารางเมตร สำนักงานใหญ่ของบริษัทบาริโอแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ ส่วนสำนักงาน (Working Space), ส่วนพักผ่อน (Public Space) โดยมีพื้นที่รวมกัน 1,400 ตารางเมตร และส่วนพักอาศัย (Residential Area) ราว 350 ตารางเมตร

ส่วนสำนักงานของอาคาร จะถูกออกแบบภายใต้แนวความคิดที่จะรองรับการทำงานที่หลากหลายและยืดหยุ่น (Multi-functional & Easy to Applicable) ดังนั้นงานออกแบบจึงเริ่มต้นจากการวาง Planning ภายในออกมาสู่ภายนอก (Inside-Out) เพื่อสอดรับกับการใช้งาน และ Work Flow ต่างๆ ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมทั้งมีโซน Public Space ที่หลากหลายสำหรับการพักผ่อนให้แก่พนักงานในเวลาเดียวกัน

ภายใต้แนวคิดที่ว่า “เพราะการทำงานไม่จำเป็นต้องนั่งติดกับโต๊ะทำงานเพียงอย่างเดียว” ดังนั้น นอกจากพนักงานจะนั่งทำงานในพื้นที่ของตัวเองแล้วยังสามารถเลือกที่จะเปลี่ยนบรรยากาศหรืออิริยาบถมาทำงานและพักผ่อนในพื้นที่ Public ได้อีกด้วย เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่พนักงานในบริษัท อีกทั้งยังเป็นการ Experiment Style ใหม่ๆ ในการ ตกแต่งภายในออฟฟิศ เพื่อนำมาปรับใช้กับโครงการอื่นๆ สำหรับลูกค้าของเราในอนาคต

Public Space ในโครงการนี้จะถูกจัดสรรไว้ในอัตราส่วนสูงถึง 1:1 กับ Working Space หรือ 50% ของพื้นที่ใช้สอยและมีการกระจายตัวแทรกไปตามพื้นที่ทำงานต่างๆ แบบ Linear ทำให้พื้นที่ทำงานทุกจุดอยู่ติดกับส่วน Public และพื้นที่เหล่านี้ ยังถูกออกแบบให้มีความต่อเนื่อง ทั้งในแง่ของมุมมอง (Vision) และการใช้งาน (Function)

เพื่อให้เกิดสมดุลระหว่างการทำงานและการพักผ่อน เริ่มตั้งแต่ส่วน Lobby ที่เน้นการใช้สีและองค์ประกอบให้เป็นพื้นที่ที่สดใส ต้อนรับแขกทุกคนที่เข้ามา ตัวพื้นที่ได้ถูกออกแบบและประดับ ตกแต่งภายในออฟฟิศ ด้วยสวนทางตั้ง ภายใต้การจัดวางแบบ Mondrian Style ที่ผสานเอาวัสดุมันวาว มาใช้ร่วมกับ Texture ของต้นไม้ เพื่อให้เกิดความน่าสนใจและแปลกตา ซึ่งต้นไม้เหล่านี้ยังช่วยในการดูดซับเสียงสะท้อนภายในอาคารและสร้างสมดุลของสีได้เป็นอย่างดี ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของโซน Lobby ที่สามารถมาชื่นชมเก็บบรรยากาศดีๆ และพักผ่อนได้ตั้งแต่เดินเข้ามา

ต่อเนื่องมาถึง Cafeteria นั้น จะถูกออกแบบให้เป็น Café ที่เรียบง่าย มีเคาน์เตอร์ Pantry ที่จะใช้เตรียมมื้อเช้าแบบง่ายๆ และเครื่องดื่มเพื่อรองรับพนักงาน โดย Counter Bar จะกรุด้วยหิน Crystal White สีขาวเรียบ ตัดกับ Stool ที่สวยเฉียบ ส่วนพื้นที่ริมประตูบานเฟี้ยมจะเป็นชุด Armchair ที่แสนอบอุ่นและนุ่มสบายให้พนักงานได้เลือกใช้เวลายามเช้าตามสไตล์ของตัวเอง

ประตูกระจกบานเฟี้ยมขนาดใหญ่เมื่อเปิดเต็มที่ก็จะเชื่อมต่อพื้นที่ Cafeteria และ Amphitheater ให้กลายเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ขนาดใหญ่ได้ ทั้งนี้ก็เพื่อรองรับกิจกรรมที่ต้องใช้พื้นที่ เช่น ปาร์ตี้ในสวน หรือการออกกำลังกายแบบแอโรบิคเพื่อสุขภาพ นอกเหนือจากการออกกำลังกายใน Fitness ของพนักงาน อีกทั้ง การเปิดประตูกระจกนั้นยังทำให้อากาศสดชื่นจากภายนอกที่เกิดจากต้นไม้ใหญ่ในสวน Amphitheater ของเราเข้ามาในตัวอาคาร ทำให้อากาศถ่ายเทเหมือนเป็นลมหายใจของอาคาร

ที่บริเวณโถงชั้นสองหรือ Hall No.2 ที่เชื่อมระหว่างส่วน Design Studio และ Management Zone นั้นเป็นบริเวณให้พนักงานมานั่งพักผ่อน คิดงานหรือหาไอเดียใหม่ๆ โดยตัวพื้นที่นั้นจะออกแบบให้เป็นแบบอัฒจันทร์ เพิ่มความน่าสนใจด้วยสีสันและเส้นสายผสานกับต้นไม้ที่แซมไว้เป็นจุดๆ อย่างสวยงาม และด้วยช่องแสงขนาดใหญ่ที่เปิดโล่งตั้งแต่ Cafeteria ด้านล่างจนขึ้นมาถึงโถงชั้น 2 จึงทำให้ผู้ใช้บริการในส่วนนี้ สามารถมองเห็นภาพของต้นพะยอมที่เป็นไม้ประธานในสวน Amphitheater ได้เต็มตา

บรรยากาศในส่วน Design Studio จะเป็นพื้นที่เปิดโล่งให้ทุกคนได้นั่งรวมกัน เจอหน้ากันและพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน แต่ในขณะเดียวกัน ที่ด้านหน้าของทุกคนก็จะถูกกั้นด้วย Partition ทรงหกเหลี่ยมแบบโปร่ง ทั้งนี้เพื่อใช้ประโยชน์ได้ทั้งเป็นที่วางของจุกจิกส่วนตัว และเป็นแผงกั้นเบาๆ เมื่อพนักงานต้องการพื้นที่และความเป็นส่วนตัว และรูปทรงหกเหลี่ยมนี้นอกจากจะมาตกแต่งเป็น Partition แล้ว เมื่อสังเกตุดูที่ชั้นวางของก็จะพบว่าตัวชั้นก็เรียงตัวแบ่งช่องเป็นทรงเฉียงต่อกันและประกอบกันเป็นรูปหกเหลี่ยมนั่นเอง

ในส่วนของ Back Office นั้นจะมีหน้าต่างน้อยกว่าข้างหน้า ดังนั้นการเล่นกันสีสันในโซนนี้จึงเน้นให้ดูสนุกสนานขึ้นกว่าในโซนดีไซน์ ทั้งนี้เพื่อใช้สีสันดึงความสว่างภายในโซนให้โดดขึ้นมา สร้างบรรยากาศการทำงานไม่ให้มืดครึ้มจนเกินไป

สำหรับห้องผู้บริหาร ด้านหน้าจะมีหน้าต่างบานใหญ่ที่ไว้รับแสง indirect light จากด้านนอก ทำให้แสงภายในห้องดูสว่าง ดังนั้นการตกแต่งห้องจะใช้สีเข้มเพื่อเบรคไม่ให้ห้องสว่างจนเกินไป อีกทั้งยังทำให้ตัวห้องดูเป็นผู้ใหญ่ ดูมีความสุขุมและเป็นทางการขึ้นจากโซนภายนอก ซึ่งเป็นโซนรับรองแขกของผู้บริหารเองก็จะเน้นความเป็นทางการและความเป็นส่วนตัวเช่นกัน และในขณะเดียวกันเมื่อไม่ได้ใช้รับรองแขก พื้นที่ตรงนี้ก็สามารถใช้ร่วมกับพื้นที่ประชุมย่อยที่อยู่ติดกันเพื่อเป็นการประชุมแบบไม่เป็นทางการ

เช่นเดียวกับในส่วนของห้องผู้จัดการที่ทำให้ดูสุขุมและสะอาดสอ้าน ภายในห้องนี้จะเน้นประสิทธิภาพการใช้งานให้มีพื้นที่จัดเก็บของซ่อนอยู่มากมาย เนื่องจากตัวห้องมีขนาดไม่ใหญ่นัก

ดีไซน์เนอร์จึงเลือกใช้ผนังห้องด้านหนึ่งให้เป็นกระจก เพื่อเชื่อมต่อกับโซนสำนักงานภายนอก ทำให้รู้สึกไม่อึดอัด อีกทั้งยังเพิ่มวิสัยทัศน์การมองจากภายในห้องให้กว้างขวางมากขึ้นอีกด้วย

ห้องประชุมใหญ่ที่ให้ความรู้สึกหรูหราเป็นทางการเพื่อรองรับการใช้งานที่เป็นการประชุม การรองรับแขกหรือกิจกรรมที่เป็นทางการ แต่ในขณะเดียวกันก็แฝงไปด้วยการดีไซน์ที่แปลกใหม่ของรูปทรงห้องที่เป็นหลายเหลี่ยม ชวนให้มองแล้วไม่รู้สึกจำเจ เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศเวลานอกเหนือจากการประชุมแล้ว พื้นที่ส่วนห้องประชุมนี้ยังสามารถประยุกต์เป็น Space สำหรับการทำกิจกรรมอื่นๆ เช่น การจัด Workshop เล็กๆ หรือกิจกรรมผ่อนคลายสำหรับคนในบริษัทได้

อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : Bareo Design Studio

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร 02 408-1341 – 44 และ 061-846-6633 และสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook Design by Bareo

Share This Post

Portfolio